เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการสัมผัสเสียงดังเป็นเวลานาน จะมีผลต่อความสามารถในการได้ยินในอนาคต ดังนั้นทั่วโลกจึงให้ความสำคัญต่อผู้ปฏิบัติงานที่ต้องสัมผัสเสียงดังในระหว่างการทำงาน เป็นที่มาของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
ในประเทศไทย กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ก็ได้มีการออกกฏหมายเกี่ยวกับเสียง เพื่อบังคับใช้โดยที่นางจ้างจะต้องทำการตรวจวัดระดับเสียงภายในสถานประกอบการและรายงานผลต่อกรมโรงงานทุกปี สามารถดาวโหลดเอกสารกฏหมายเสียงจากลิ้ง
โดยในบทความ เขียนขึ้นเพื่อแนะนำวิธีการเลือกใช้เครื่องวัดเสียงที่เหมาะสมสำหรับการตรวจวัดเสียงตามคำแนะนำของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ดังต่อไปนี้
1. ไมโครโฟนของเครื่องวัดเสียงจะต้องได้มีความแม่นยำอย่างน้อย Class 2 ตามมาตรฐาน IEC61672 ซึ่งตามมาตรฐานยอมให้เครื่องวัดเสียงมีความคลาดเคลื่อนไม่การวัดแต่ละครั้งไม่เกิน +- 1.5 เดซิเบล โดยหากเปรียบเทียบความคลาดเคลื่อนระหว่าง Class1 และ Class2 จะพบว่าความคลาดเคลื่องของ Class2 จะสูงกว่า โดยเฉพาะในช่วงความถี่ต่ำและความถี่สูง (สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติ่มของความแตกต่างระหว่าง Class 1 และ Class ได้ที่ http://www.getbestsound.com/class1vsclass2.html
2. เครื่องวัดเสียงต้องสามารถกำหนดค่าถ่วงน้ำหนักความถี่ (Frequency Weighting) ได้ โดยเฉพาะ A- Weighting และ C- Weighing ซึ่งมีการระบุไว้ในกฏหมายอย่างชัดเจน
3. เครื่องวัดเสียงต้องสามารถกำหนดค่าถ่วงน้ำหนักเวลาได้ (Time Weighting) ได้ โดยเฉพาะ Fast, Slow
4. เครื่องวัดเสียงจะต้องคำนวณค่าผลวัดเสียง (Parameter) ได้แก่ Leq, Lmax, Lpeak ได้ ซึ่งตามกฏหมายแล้ว จะต้องพิจารณา คือ LAeq, LAmax, LCpeak (หากเครื่องวัดเสียงสามารถวิเคราะห์เสียงแยกตามความถี่ได้จะยิ่งมีประโยชน์อย่างมากในการวิเคราะห์พฤติกรรมของเสียง
เช่น หากความถี่ที่ผู้ปฏิบัติงานไม่ตรงกับความถี่หลังของเสียงรบกวนภายในสถานประกอบการณ์ แสดงว่าเสียงในสถานที่ทำงานไม่ได้สาเหตุที่ทำให้ผู้ปฏิบัติมีสภาพสูญเสียการได้ยิน
หรือการรู้ความถี่เสียงช่วยในการออกแบบการควบคุมเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. เครื่องวัดเสียงต้องมีผลการสอบเทียบตามมาตรฐาน IEC 61672 เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องวัดเสียงและไมโครโฟนนั้นมีค่าความแม่นยำและค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ในเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนดไว้หรือไม่
6. เครื่องวัดเสียงควรจะสามารถบันทึกเสียงที่ทำการวัดได้ เพื่อนำมาใช้ฟังทีหลัง ถือว่าเป็นฟังก์ชั่นที่สำคัญมากเพราะ ในกรณีที่ระดับเสียงเกินมาตรฐาน มักจะมีคำถามตามมาเสมอว่าเสียงที่เกิดคือเสียงอะไร จะได้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
7. เครื่องวัดเสียงจะต้องวัดระดับเสียงแบบ Peak ได้ถึง 140 dBC หากไม่ถึงถือว่าไม่ผ่านมาตรฐานตามที่กฎหมายระบุ
เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า
คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
ยอมรับทั้งหมด